น้ำยาแอร์ปัจจุบันที่ใช้กันอยู่ในประเทศไทยจะมีอยู่ 3 ประเภทหลักๆ ได้แก่ R22, R410a และ R32 เรามาดูกันกันว่าน้ำยาแอร์แต่ละชนิดนั้น มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันอย่างไร
น้ำยาแอร์ R22
เป็นน้ำยารุ่นที่เก่าที่สุด และถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน นิยมนำมาใช้กับแอร์ตามบ้านเรือนทั่วไป ซึ่งมีค่า ODP = 0.05 ค่า GWP = 1810 และมีค่า Cooling Capacity = 100
ข้อดี - ไม่มีสีและไม่มีกลิ่น จึงไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายมนุษย์
- เป็นสารที่ไม่ติดไฟ จึงมีความปลอดภัยในการใช้งาน
ข้อเสีย - มีค่าที่ก่อให้เกิดภาวะเรือนกระจก
- หากรั่วออกมาสู่อากาศจำนวนมากจะส่งผลอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ
- มีค่า ODP สูง ซึ่งส่งผลต่อการทำลายชั้นโอโซน
น้ำยาแอร์ R410a
สารทำความเย็นที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ทดแทนสารทำความเย็นชนิด R22 และราคาค่อนข้างสูงกว่า โดยมีค่า ODP = 0 มีค่า GWP = 2090 และมีค่า Cooling Capacity = 141
ข้อดี - ค่า ODP = 0 ทำให้ไม่ทำลายชั้นโอโซน
- เป็นสารที่ไม่ติดไฟ
ข้อเสีย - มีค่า GWP สูงกว่า R22 ทำให้เกิดภาวะเรือนกระจก และภาวะโลกร้อน
- ในกรณีที่จะเติมน้ำยา จำเป็นที่จะต้องถ่ายน้ำยาเก่าทิ้งให้หมดก่อน จึงจะเติมเข้าไปใหม่ได้
น้ำยาแอร์ R32
เป็นสารทำความเย็น รุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งถูกผลิตขึ้นมาเพื่อช่วยลดการเกิดภาวะเรือนกระจก มีค่า ODP = 0 มีค่า GWP = 675 และมีค่า Cooling Capacity = 160
ข้อดี - มีราคาถูกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำยาแอร์ R410A
- มีประสิทธิภาพในการทำความเย็น ได้ดีกว่า
- เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- จุดเดือดของน้ำยา R32 มีค่าต่ำ ทำให้คอมเพลสเซอร์ทำงานเบาสุด ส่งผลให้มีประสิทธิภาพในการทำความเย็นดีและเร็วกว่า R22 และ R410A
- สามารถเติมน้ำยาเพิ่มได้เลย โดยไม่ต้องถ่ายน้ำยาเก่าออกก่อน
ข้อเสีย - มีคุณสมบัติติดไฟได้เล็กน้อย
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Source : ไทยแอร์แคร์, ComepeeAir, Persistence Group
|